วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไปเกิดในเพศหญิง

เผย 10 อันดับ เรื่องเพศ ยอดนิยมของสหรัฐ
 จุดสุดยอดเร็วเกินไป,ผู้หญิงถึงจุดสุดยอด,เซ็กส์ทอย,ออรัลเซ็กส์
การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไปเกิดในเพศหญิง
เว็บไซต์ Livescience ของสหรัฐได้จัดอันดับ 10 งานวิจัยใต้สะดือยอดเยี่ยมของปี 2011 ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านอึ้งไปกับเรื่องราวของมัน เพราะเชื่อหรือไม่ว่าการนั่งสมาธิก็ช่วยเพิ่มความสุขทางเพศได้ หรือแม้กระทั่งเรื่องทีีคนเคยมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ ซึ่ง 10 อันดับประกอบไปด้วยเรื่องต่างๆ ดังนี้

1.) ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ชายที่รู้สึกว่าตนถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไป
จากงานวิจัยของวารสารเพศวิทยา Sexologies ฉบับเดือน ต.ค. 2011 การถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไปเกิดในเพศหญิงมากกว่าที่คิด จากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงชาวโปรตุเกส ร้อยละ 14 ประสบกับปัญหาการถึงจุดสุดยอดก่อนเวลาอันควรอยู่บ่อยๆ ผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่สามารถควบคุมการถึงจุดสุดยอดของตัวเองได้ และมักจะรู้สึกอึดอัดหากจะมีเพศสัมพันธ์ต่อ ทำให้คู่นอนรู้สึกไม่ดี

2.) ชาวอเมริกันโปรดปรานไวเบรเตอร์ (เซ็กส์ทอยที่เป็นเครื่องระบบสั่น)
กลุ่มตัวอย่างกว่าครึ่งหนึ่งเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า “ไวเบรเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งของวิธีทางเพศของผู้หญิงที่ดีต่อสุขภาพ” เปรียบเทียบกับร้อยละ 10 ของกลุ่มตัวอย่างที่มองประโยคนี้ในแง่ลบ รวมถึงผู้มีความเชื่อที่ว่าการใช้ไวเบรเตอร์เป็นการดูถูกคู่นอนของพวกเธอ
โดยก่อนหน้านี้คณะผู้วิจัยทีมเดียวกันเคยสำรวจพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงร้อยละ 53 และผู้ชายร้อยละ 45 เคยใช้ไวเบรเตอร์มาก่อน และพบความเกี่ยวข้องระหว่างการใช้ไวเบรเตอร์กับความพึงพอใจทางเพศ

3.) การทำสมาธิช่วยเพิ่มความสุขทางเพศ
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งในเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้หญิงที่ “ทำสมาธิวิปัสสนา” จะมีร่างกายที่ไวต่อการตอบสนองสิ่งเร้าทางเพศ และช่วยยับยั้งความวิตกกังวลและความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ได้

4.) มนุษย์โบราณก็มีการผสมข้ามพันธุ์
ก่อนหน้านี้ในปี 2010 เคยมีข่าวการสำรวจพบว่า มนุษย์เผ่าพวกเราและนีแอนเดอทาล เคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ในปี 2011 มีการสำรวจไปไกลกว่านั้น เมื่อมีการค้นพบในเดือน มิ.ย. ว่า นักวิจัยค้นพบหลักฐานทางดีเอนเอ ที่บอกว่ามนุษย์ยุคปัจจุบันมีชิ้นส่วนของพันธุกรรมนีแอนเดอทาลอยู่ร้อยละ 9 ยกเว้นในทวีปแอฟริกา นั่นหมายความว่า การทดลองมีเพศสัมพันธุ์กันข้ามเผ่าพันธุ์จนเกิดการผสมยีนส์กันน่าจะเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่มนุษย์เราอพยพออกจากทวีปแอฟริกา

5.) วัยรุ่นคิดว่าออรัลเซ็กส์ มีความเสี่ยงน้อยกว่า
ในเดือน ก.พ. 2011 มีการนำเสนองานวิจัยในที่ประชุมประจำปีของสมาคมเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา (American Association for the Advancement of Science) ซึ่งเปิดเผยว่า มีวัยรุ่นร้อยละ 14 คิดว่าการทำออรัลเซ็กส์ไม่ได้มีความเสี่ยงใดๆ ต่อสุขภาพ ทั้งที่ในความจริงคือมีไวรัสชื่อ papilloma virus (HPV) ที่สามารถติดต่อระหว่างคน และความเสี่ยงต่อการติดไวรัสนี้ในปากและคอจะเพิ่มขึ้นหากยิ่งมีการทำออรัลเซ็กส์ให้คู่นอนมากคน

6.) การได้รับวัคซีนต้านไวรัส ไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น
งานวิจัยเมื่อเดือน ธ.ค. 2011 เปิดเผยว่าการที่วัยรุ่นรับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ไม่ได้ทำให้พวกเขาอยากสำส่อนทางเพศเพิ่มขึ้น โดยรายงานระบุว่า วัยรุ่นหญิงที่ได้รับวัคซีน HPV จะใช้ถุงยางตอนมีเพศสัมพันธ์มากกว่าวัยรุ่นหญิงที่ไม่ได้รับวัคซีน น่าจะเป็นเพราะพวกเธอได้รับความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการรับวัคซีน HPV ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องอายเลย

7.) นักศึกษาชอบคุยโวเรื่องเพศมากกว่าทำจริง
ในเดือน ก.ย. นักวิจัยได้เปิดเผยผลวิจัยว่า นักศึกษาจะเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวัยเรียน รวมถึงการนอกใจเป็นเรื่องปกติ แต่ส่วนมากมักจะเล่าขานต่อกัน มากกว่าจะลงมือกระทำจริงๆ โดยนักศึกษาร้อยละ 90 คิดว่า การมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างน้อย 2 คนเป็น “เรื่องปกติ” แต่มีเพียงร้อยละ 37 เท่านั้นที่มีเพศสัมพันธ์กับจำนวนคนที่ว่ามา การคุยโวเรื่องบนเตียงไม่เคยจะเก่าเลยจริงๆ

8.) ปลาหมึกน้ำลึกปล่อยสเปิร์มแล้วชิ่ง
นักวิจัยรายงานในวารสาร Biology Letters ว่าเมื่อปลาหมึก Octopoteuthis deletron พบเจอพวกเดียวกัน มันไม่ใช้เวลาดูด้วยซ้ำว่าตัวที่มันเจอเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย แต่พวกมันจะฉีดกลุ่มสเปิร์มไปที่ตัวที่เพิ่งจะเจอกันทันที โดยกลุ่มสเปิร์มก็จะยังคงติดตัวปลาหมึกตัวเป้าหมายขณะที่พวกมันว่ายน้ำต่อไป

9.) แบคทีเรียชวนแหวะบนโต๊ะกาแฟ
นักวิจัยด้านจุลชีววิทยาบอกว่า ห้องพักของชายหนุ่มโสดจะมีแบคทีเรียมากกว่าห้องพักของสาวโสด 15 เท่า และแบคทีเรียบางชนิดที่พบก็เป็นแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่อยู่ในอุจจาระขณะที่ในห้องของสาวโสดก็พบแบคทีเรียนี้เช่นกัน เพียงแค่มีความหนาแน่นน้อยกว่าที่พักของชายโสดเท่านั้นเอง จุดสำคัญอื่นๆ ที่พบโคลิฟอร์มแบททีเรียพวกนี้ได้แก่ รีโมทโทรทัศน์, โต๊ะข้างเตียงนอน และลูกบิดประตู

10.) คนมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ส่งผลให้มะเร็งองคชาติ
นักวิจัยได้เผยแพร่ผลงานในวารสารเวชศาสตร์ทางเพศ (Sexual Medicine) ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาเปิดเผยว่า จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างชาย 492 คนในแถบชนบทของบราซิล พวกเขาพบว่ามีถึงร้อยละ 35 ของกลุ่มตัวอย่างที่บอกว่าตนมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ครั้งหนึ่งในชีวิต และนักวิจัยก็พบว่าคนที่ป่วยเป็นมะเร็งองคชาติมักจะเป็นคนเดียวกับที่มีเพศสัมพันธุ์กับสัตว์ พวกเขาตั้งสมมุติฐานว่าการบาดเจ็บขององคชาติและสารคัดหลั่งในสัตว์สปีชี่ส์อื่นอาจเป็นตัวทำให้เกิดเชื้อโรคที่เป็นเหตุของมะเร็ง เช่นเดียวกับ papillomo ไวรัสของคน
Mthai News


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น